1. Router มีกี่โหมด อะไรบ้าง อธิบายให้ละเอียด
ตอบ 1. Router มีกี่โหมด อะไรบ้าง
Routing มีอยู่ 2 แบบ หลักๆ ได้แก่-
แบบสเตติก (Static Route)- แบบไดนามิก (Dynamic Route)
Static คือ
การเลือกเส้นทางแบบ Static นี้ การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด
กระทำโดยผู้บริหาจัดการเครือข่าย
ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล
เครือข่า เข้ามาจัดการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการใช้ วิธีการทาง Static เช่นนี้
มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้
-เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก
-เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า
ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ ตายตัว-ไม่ต้องใช้ Software
เลือกเส้นทางใดๆทั้งสิ้น
-ช่วยประหยัดการใช้ แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก
เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router
ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทาง
การจัดตั้ง Configuration
สำหรับการเลือกเส้นทางแบบ Staticเป็นที่ทราบดีแล้วว่า การเลือกเส้นทางแบบ
Static
เป็นลักษณะการเลือกเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการเครือข่าย
เพื่อกำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ตายตัว หรือเจาะจงเส้นทางปกติ Router
สามารถ Forward Packet ไปข้างหน้า บนเส้นทางที่มันรู้จักเท่านั้น
ดังนั้นการกำหน
ดเส้นทางเดินของแพ็กเก็ตให้กับ Router
จึงควรให้ความระมัดระวังวิธีการจัด Configure
แบบ Static Route ให้กับ Router
Cisco ให้ใส่คำสั่งip route ลงไปที่ Global
Configuration Mode
มีตัวอย่างการใช้คำสั่ง ดังนี้
ip route network [ mask
] {address
interface} [distance] [permanent]
-Network เครือข่าย หรือ Subnet
ปลายทาง
-Mask หมายถึงค่า Subnet mask-Address IP Address ของ Router ใน Hop
ต่อไป
-Interface ชื่อของ Interface ที่ใช้เพื่อเข้าถึงที่หมายปลายทาง
-Distance
หมายถึง Administrative Distance
-Permanent เป็น Option
ถูกใช้เพื่อกำหนด
เส้นทางที่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันถอดถอนทิ้ง ถึงแม้ว่า
จะปิดการใช้งาน Interface
ก็ตาม
dynamic คือ
Exterior Gateway
Routing Protocol
Distance Vector Routing Protocol
Link State Routing
Protocol
เนื่องจาก จุดประสงค์ของการเขียนบทความนี้
ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านมีแนวคิดในการจัดตั้งเครือข่ายและอุปกรณ์ Router
เพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย และเนื่องจากขอบข่ายของหลักวิชาการด้านนี้
ค่อนข้างกว้าง จึงขอตีกรอบให้แคบลง
โดยจะขอกล่าวถึงรายละเอียดเพียงบางส่วนในการจัดตั้ง Router
ที่ท่านสามารถนำไปใช้ได้
รู้จักกับ Distance Vector Routing Protocol Distance
Vector
เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing
และจัดการนำแพ็กเก็ต ส่งออก ไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย
อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง
เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า
เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด
ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า
ระยะทางที่ใกล้ที่สุด
เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส
ของเครือข่ายปลายทางเป็น Vector
Distance Vector บางครั้งจะถูกเรียกว่า
"Bellman-Ford Algorithm"
ซึ่งโปรโตคอลนี้ จะทำให้ Router แต่ละตัว
ที่อยู่บนเครือข่ายจะต้องเรียนรู้ลักษณะของ Network Topology โดยการแลกเปลี่ยน
Routing Information ของตัวมันเอง กับ Router ที่เชื่อมต่อกันเป็นเพื่อนบ้าน
โดยตัว
Router เองจะต้องทำการจัดสร้างตารางการเลือกเส้นทางขึ้นมา โดยเอาข้อมูล
ข่าวสารที่ได้รับจากเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรง (
ข้อมูลนี้ครอบคลุมไปถึงระยะทางระหว่าง Router
ที่เชื่อมต่อกัน)หลักการทำงานได้แก่การที่ Router จะส่งชุด สำเนาที่เป็น
Routing
Information ชนิดเต็มขั้นของมันไปยัง Router ตัวอื่นๆ
ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันโดยตรง
ด้วยการแลกเปลี่ยน Routing Information กับ
Router ตัวอื่นๆ
ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงนี้เอง ทำให้ Router แต่ละตัว
จะรู้จักซึ่งกันและกัน
หรือรู้เขารู้เรา กระบวนการแลกเปลี่ยนนี้
จะดำเนินต่อไปเป็นห้วงๆ ของเวลาที่แน่นอน
Distance Vector Algorithm
ค่อนข้างเป็นแบบที่เรียบง่าย
อีกทั้งออกแบบเครือข่ายได้ง่ายเช่นกัน
ปัญหาหลักของของ Distance Vector Algorithm
ได้แก่ การคำนวณเส้นทาง
จะซับซ้อนขึ้น เมื่อขนาดของเครือข่ายโตขึ้น
ตัวอย่างของโปรโตคอลที่ทำงานภายใต้
Distance Vector Algorithm ได้แก่ อาร์ไอพี
(RIP) หรือ Routing Information
ProtocolLink State RoutingLink State Routing
ถูกเรียกว่า "Shortest Path
First (SPF)" Algorithm ด้วย Link State Routing นี้
Router แต่ละตัวจะทำการ
Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router
ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ
ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไป
ถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันด้วยวิธีการของ
Link State นี้ Router
แต่ละตัวจะทำการสร้างผังที่สมบูรณ์ของเครือข่ายขึ้น จากข้อมูลที่มันได้รับจาก
Router อื่นๆทั้งหมด จากนั้นจะนำมาทำการคำนวณเส้นทางจากผังนี้โดยใช้ Algorithm
ที่เรียกว่า Dijkstra Shortest Path AlgorithmRouter
จะเฝ้าตรวจสอบดูสถานะของการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง
โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างแพ็กเก็ตกับ Router เพื่อนบ้าน แต่หาก Router
ไม่ตอบสนองต่อความพยายามที่จะติดต่อด้วย หลายๆครั้ง
การเชื่อมต่อก็จะถือว่าตัดขาดลง
แต่ถ้าหากสถานะ ของ Router
หรือการเชื่อมต่อเกิดการเปลี่ยนแปลง
ข้อมูลข่าวสารนี้จะถูก Broadcast ไปยัง
Router ทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายการจัดตั้ง
Configure ให้กับวิธี
การจัดเลือกเส้นทางแบบ
Dynamicในการจัดตั้งค่าสำหรับการเลือกเส้นทาง (Routing)
แบบ Dynamic จะมี
2 คำสั่งสำหรับการใช้งาน ได้แก่ คำสั่ง Router และ
Network โดยคำสั่ง
Router
เป็นคำสั่งที่ทำให้เริ่มต้นการเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้น
รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้
Router (config)#router protocol
[keyword]ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายรายละเอียดของรูปแบบคำสั่งProtocol
เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบใดแบบหนึ่ง ระหว่าง
RIP IGRP OSPF หรือ
Enhanced
IGRPKeyword ตัวอย่าง เช่น เลขหมายของ Autonomous
ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับโปรโตคอลที่ต้องการระบบ Autonomous ได้แก่ โปรโตคอล
IGRPคำสั่ง
Network ก็เป็นคำสั่งที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเช่นกัน
เนื่องจากมันสามารถกำหนดว่า Interface ใดที่จะเกี่ยวข้องกับการรับหรือส่ง
Packet
เพื่อการ Update ตารางเลือกเส้นทาง
ขณะเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้นคำสั่ง Network
จะเป็นคำสั่งที่ทำให้
โปรโตคอลเลือกเส้นทางเริ่มต้นทำงานบน Interface ต่างๆ ของ
Router
อีกทั้งยังทำให้ Router สามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เครือข่ายที่ตนดูแลอยู่
ได้อีกด้วย
รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้
Router
(config-router)#networknetwork- number
Network-number ในที่นี้หมายถึง
เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันโดยตรง และ
Network Number จะต้องอยู่ในมาตรฐาน
เลขหมาย ของ INTERNIC
2.จงบอกคำสั่งในแต่ละโหมดมาอย่างน้อย 5 คำสั่ง
ตอบ คำสั่ง
access-enable
เป็นการสร้าง Access List entry ชั่วคราว
clear
เป็นการ reset ค่า configure ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว
connect
ใช้เพื่อ เปิด connection กับ terminal
disableปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged mode
disconnect
ยกเลิกการเชื่อมต่อใดๆกับ networkenableเข้าสู่ privileged Exec mode
exit
ออกจากการใช้ User Exec modehelpใช้เพื่อแสดงรายการ help
lat
เปิดการเชื่อมต่อกับ LAT (เครือข่าย VAX)
lock
ใช้เพื่อ lock terminal
login
loginเข้ามาเป็น user
logout
exit ออกจาก EXEC
mrinfoใช้เพื่อการร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Version และสถานะของ Router
เพื่อนบ้านจาก multicast router ตัวหนึ่ง
mstat
แสดงสถิติหลังจากที่ได้ตามรอยเส้นทางแบบ Multicast ของ Router แล้ว
mtrace
ใช้ติดตามดู เส้นทาง Multicast แบบย้อนกลับจาก ปลายทางย้อนกลับมาที่ต้นทาง
name-connection
เป็นการให้ชื่อกับ
การเชื่อมต่อของเครือข่ายที่กำลังดำเนินอยู่
pad
เปิดการเชื่อมต่อ X.25
ด้วย X.29 PAD
Ping
ใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ
ppp
ใช้เรียกการเชื่อมต่อแบบ
PPP
resume
ใช้เพื่อการ
กลับเข้าสู่การเชื่อมต่อของเครือข่ายอีกครั้งrloginเปิดการเชื่อมต่อ remote
Login
กับ Server ระยะไกล
show
แสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของ
Router
ในปัจจุบัน
slip
เริ่มการใช้งาน Slip (serial line protocol)
systat
เป็นการแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Terminal Line เช่นสถานะของระบบ
telnet
เป็นการเปิด การเชื่อมต่อทาง Telnet
terminal
เป็นการจัด
Parameter ของ
Terminal Line
traceroute
เป็นการใช้ Traceroute
เพื่อการติดตามไปดู
ระบบที่อยู่ปลายทางtunnelเปิดการเชื่อมต่อแบบ Tunnel
where
แสดงรายการ ของ
Link ที่กำลัง Active ในปัจจุบัน
3. Command prompt ในโหมดต่างๆ
ตอบ
Command Mode
Command Mode หลักภายใน
Cisco IOS ได้แก่
User Exec Mode
Privileged Exec Mode
Global
Configuration Mode
Interface
ConfigurationBoot Mode
4. Use exec mode
พร้อมรายละเอียด
ตอบ
Command Mode หลักภายใน Cisco IOS
ได้แก่
User Exec Mode
Privileged Exec Mode
Global Configuration Mode
Interface ConfigurationBoot
Mode
User Exec ModeUser Exec Mode
เป็นโหมดแรกที่ท่านจะต้อง Enter เข้าไป เมื่อ
Router เริ่มทำงาน วิธีที่จะรู้ว่าท่านได้เข้าสู่
User Exec Mode จาก Prompt ของ Router ได้แก่ Prompt ที่แสดงบนหน้าจอ ได้แก่
ชื่อของ Router แล้วตามด้วยเครื่องหมาย > เช่น
Routerhostname >
ต่อไปนี้ เป็นตารางแสดงรายการคำสั่ง ภายใต้ User
Exec Commands
ตารางที่ 1แสดงรายการคำสั่ง ภายใต้ User Exec
Commandsคำสั่ง
access-enable
เป็นการสร้าง Access List entry
ชั่วคราว
clear
เป็นการ reset ค่า configure
ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว
connect
ใช้เพื่อ เปิด connection กับ
terminal
disable
ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged
mode
disconnect
ยกเลิกการเชื่อมต่อใดๆกับ
network
enable
เข้าสู่ privileged Exec mode
exit
ออกจากการใช้ User Exec mode
help
ใช้เพื่อแสดงรายการ help
lat
เปิดการเชื่อมต่อกับ LAT (เครือข่าย
VAX)
lock
ใช้เพื่อ lock terminal
login
loginเข้ามาเป็น user
logout
exit ออกจาก EXEC
mrinfo
ใช้เพื่อการร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Version
และสถานะของ Router เพื่อนบ้านจาก multicast router ตัวหนึ่ง
mstat
แสดงสถิติหลังจากที่ได้ตามรอยเส้นทางแบบ
Multicast ของ Router แล้ว
mtrace
ใช้ติดตามดู เส้นทาง Multicast แบบย้อนกลับจาก
ปลายทางย้อนกลับมาที่ต้นทาง
name-connection
เป็นการให้ชื่อกับ
การเชื่อมต่อของเครือข่ายที่กำลังดำเนินอยู่
pad
เปิดการเชื่อมต่อ X.25 ด้วย X.29
PAD
Ping
ใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ
ppp
ใช้เรียกการเชื่อมต่อแบบ PPP
resume
ใช้เพื่อการ
กลับเข้าสู่การเชื่อมต่อของเครือข่ายอีกครั้ง
rlogin
เปิดการเชื่อมต่อ remote Login กับ Server
ระยะไกล
show
แสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของ Router
ในปัจจุบัน
slip
เริ่มการใช้งาน Slip (serial line
protocol)
systat
เป็นการแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Terminal Line
เช่นสถานะของระบบ
telnet
เป็นการเปิด การเชื่อมต่อทาง
Telnet
terminal
เป็นการจัด Parameter ของ Terminal
Line
traceroute
เป็นการใช้ Traceroute เพื่อการติดตามไปดู
ระบบที่อยู่ปลายทางtunnelเปิดการเชื่อมต่อแบบ Tunnel
where
แสดงรายการ ของ Link ที่กำลัง Active
ในปัจจุบัน
5.คำสั่งที่ใช้ตรวจสอบสถานะของRout
จงบอกอย่างน้อย 5 คำสั่ง
ตอบ
access-enable
เป็นการสร้าง Access List entry
ชั่วคราว
clear
เป็นการ reset ค่า configure
ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว
connect
ใช้เพื่อ เปิด connection กับ
terminal
disable
ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged
mode
disconnect
ยกเลิกการเชื่อมต่อใดๆกับ
network
enable
เข้าสู่ privileged Exec mode
exit
ออกจากการใช้ User Exec mode
help
ใช้เพื่อแสดงรายการ help
lat
เปิดการเชื่อมต่อกับ LAT (เครือข่าย
VAX)
lock
ใช้เพื่อ lock terminal
login
loginเข้ามาเป็น user
logout
exit
ออกจาก EXEC
mrinfo
ใช้เพื่อการร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Version
และสถานะของ Router เพื่อนบ้านจาก multicast router ตัวหนึ่ง
mstat
แสดงสถิติหลังจากที่ได้ตามรอยเส้นทางแบบ
Multicast ของ Router แล้วmtraceใช้ติดตามดู เส้นทาง Multicast แบบย้อนกลับจาก
ปลายทางย้อนกลับมาที่ต้นทาง
name-connection
เป็นการให้ชื่อกับ
การเชื่อมต่อของเครือข่ายที่กำลังดำเนินอยู่
pad
เปิดการเชื่อมต่อ X.25 ด้วย X.29
PADPingใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ
ppp
ใช้เรียกการเชื่อมต่อแบบ PPP
resume
ใช้เพื่อการ
กลับเข้าสู่การเชื่อมต่อของเครือข่ายอีกครั้ง
rlogin
เปิดการเชื่อมต่อ remote Login กับ Server
ระยะไกล
show
แสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของ Router
ในปัจจุบัน
slip
เริ่มการใช้งาน Slip (serial line
protocol)
systat
เป็นการแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Terminal Line
เช่นสถานะของระบบ
telnet
เป็นการเปิด การเชื่อมต่อทาง
Telnetterminalเป็นการจัด Parameter ของ Terminal Line
traceroute
เป็นการใช้ Traceroute เพื่อการติดตามไปดู
ระบบที่อยู่ปลายทางtunnelเปิดการเชื่อมต่อแบบ Tunnel
where
แสดงรายการ ของ Link ที่กำลัง Active
ในปัจจุบัน
6. การเลือกเส้นทางแบบ Static
คืออะไร
ตอบ การเลือกเส้นทางแบบ Static นี้
การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด กระทำโดยผู้บริหาจัดการเครือข่าย
ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล
เครือข่า เข้ามาจัดการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการใช้ วิธีการทาง Static เช่นนี้
มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้
-เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก
-เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล
เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้
ตายตัว-ไม่ต้องใช้ Software เลือกเส้นทางใดๆทั้งสิ้น
-ช่วยประหยัดการใช้ แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก
เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router
ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทาง
การจัดตั้ง Configuration
สำหรับการเลือกเส้นทางแบบ Staticเป็นที่ทราบดีแล้วว่า การเลือกเส้นทางแบบ
Static
เป็นลักษณะการเลือกเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการเครือข่าย
เพื่อกำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ตายตัว หรือเจาะจงเส้นทางปกติ Router
สามารถ Forward Packet ไปข้างหน้า บนเส้นทางที่มันรู้จักเท่านั้น
ดังนั้นการกำหนดเส้นทางเดินของแพ็กเก็ตให้กับ Router
จึงควรให้ความระมัดระวังวิธีการจัด Configure แบบ Static Route ให้กับ Router
Cisco
ให้ใส่คำสั่ง
ip route ลงไปที่ Global Configuration
Mode มีตัวอย่างการใช้คำสั่ง ดังนี้ip route network [ mask ] {address
interface}
[distance] [permanent]
-Network เครือข่าย หรือ Subnet
ปลายทาง
-Mask หมายถึงค่า Subnet mask-Address IP Address
ของ Router ใน Hop ต่อไป
-Interface ชื่อของ Interface
ที่ใช้เพื่อเข้าถึงที่หมายปลายทาง
-Distance หมายถึง Administrative
Distance
-Permanent เป็น Option ถูกใช้เพื่อกำหนด
เส้นทางที่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันถอดถอนทิ้ง ถึงแม้ว่า จะปิดการใช้งาน Interface
ก็ตาม
7. การเลือกเส้นทางแบบ Dynamicคืออะไรตอบ dynamic
คือ
ตอบ : ประเภทของโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ
Dynamicโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamic มีอยู่ หลายรูปแบบ
ดังนี้
Exterior Gateway Routing
Protocol
Distance Vector Routing
Protocol
Link State Routing Protocol
เนื่องจาก จุดประสงค์ของการเขียนบทความนี้
ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านมีแนวคิดในการจัดตั้งเครือข่ายและอุปกรณ์ Router
เพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย และเนื่องจากขอบข่ายของหลักวิชาการด้านนี้
ค่อนข้างกว้าง จึงขอตีกรอบให้แคบลง
โดยจะขอกล่าวถึงรายละเอียดเพียงบางส่วนในการจัดตั้ง Router
ที่ท่านสามารถนำไปใช้ได้
รู้จักกับ Distance Vector Routing Protocol Distance
Vector
เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing
และจัดการนำแพ็กเก็ต ส่งออก ไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย
อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง
เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า
เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด
ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า
ระยะทางที่ใกล้ที่สุด
เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส
ของเครือข่ายปลายทางเป็น VectorDistance Vector
บางครั้งจะถูกเรียกว่า
"Bellman-Ford Algorithm" ซึ่งโปรโตคอลนี้ จะทำให้ Router
แต่ละตัว
ที่อยู่บนเครือข่ายจะต้องเรียนรู้ลักษณะของ Network Topology
โดยการแลกเปลี่ยน
Routing Information ของตัวมันเอง กับ Router
ที่เชื่อมต่อกันเป็นเพื่อนบ้าน
โดยตัว Router
เองจะต้องทำการจัดสร้างตารางการเลือกเส้นทางขึ้นมา โดยเอาข้อมูล
ข่าวสารที่ได้รับจากเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรง (
ข้อมูลนี้ครอบคลุมไปถึงระยะทางระหว่าง Router
ที่เชื่อมต่อกัน)หลักการทำงานได้แก่การที่ Router จะส่งชุด สำเนาที่เป็น
Routing
Information ชนิดเต็มขั้นของมันไปยัง Router ตัวอื่นๆ
ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันโดยตรง
ด้วยการแลกเปลี่ยน Routing Information กับ
Router ตัวอื่นๆ
ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงนี้เอง ทำให้ Router แต่ละตัว
จะรู้จักซึ่งกันและกัน
หรือรู้เขารู้เรา กระบวนการแลกเปลี่ยนนี้
จะดำเนินต่อไปเป็นห้วงๆ
ของเวลาที่แน่นอน
Distance Vector Algorithm
ค่อนข้างเป็นแบบที่เรียบง่าย อีกทั้งออกแบบเครือข่ายได้ง่ายเช่นกัน
ปัญหาหลักของของ
Distance Vector Algorithm ได้แก่ การคำนวณเส้นทาง
จะซับซ้อนขึ้น
เมื่อขนาดของเครือข่ายโตขึ้น
ตัวอย่างของโปรโตคอลที่ทำงานภายใต้ Distance
Vector Algorithm ได้แก่ อาร์ไอพี (RIP) หรือ Routing Information ProtocolLink
State RoutingLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path First (SPF)"
Algorithm ด้วย Link State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ Broadcast
ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ
ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไป
ถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกัน
ด้วยวิธีการของ Link State นี้ Router
แต่ละตัวจะทำการสร้างผังที่สมบูรณ์ของเครือข่ายขึ้น จากข้อมูลที่มันได้รับจาก
Router อื่นๆทั้งหมด จากนั้นจะนำมาทำการคำนวณเส้นทางจากผังนี้โดยใช้ Algorithm
ที่เรียกว่า Dijkstra Shortest Path AlgorithmRouter
จะเฝ้าตรวจสอบดูสถานะของการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง
โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างแพ็กเก็ตกับ Router เพื่อนบ้าน แต่หาก Router
ไม่ตอบสนองต่อความพยายามที่จะติดต่อด้วย หลายๆครั้ง
การเชื่อมต่อก็จะถือว่าตัดขาดลง
แต่ถ้าหากสถานะ ของ Router
หรือการเชื่อมต่อเกิดการเปลี่ยนแปลง
ข้อมูลข่าวสารนี้จะถูก Broadcast ไปยัง
Router
ทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่าย
การจัดตั้ง Configure ให้กับวิธี
การจัดเลือกเส้นทางแบบ Dynamicในการจัดตั้งค่าสำหรับการเลือกเส้นทาง (Routing)
แบบ
Dynamic จะมี 2 คำสั่งสำหรับการใช้งาน ได้แก่ คำสั่ง Router และ Network
โดยคำสั่ง
Router เป็นคำสั่งที่ทำให้เริ่มต้นการเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้น
Router (config)#router protocol
[keyword]
ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายรายละเอียดของรูปแบบคำสั่ง
Protocol เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบใดแบบหนึ่ง
ระหว่าง RIP
IGRP OSPF หรือ Enhanced IGRP
Keyword ตัวอย่าง เช่น เลขหมายของ Autonomous
ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับโปรโตคอลที่ต้องการระบบ Autonomous ได้แก่ โปรโตคอล
IGRPคำสั่ง
Network ก็เป็นคำสั่งที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเช่นกัน
เนื่องจากมันสามารถกำหนดว่า Interface ใดที่จะเกี่ยวข้องกับการรับหรือส่ง
Packet
เพื่อการ Update ตารางเลือกเส้นทาง
ขณะเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้นคำสั่ง Network
จะเป็นคำสั่งที่ทำให้
โปรโตคอลเลือกเส้นทางเริ่มต้นทำงานบน Interface ต่างๆ ของ
Router
อีกทั้งยังทำให้ Router สามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เครือข่ายที่ตนดูแลอยู่
ได้อีกด้วย
รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้
Router (config-router)#network network-
numberNetwork-number
ในที่นี้หมายถึง
เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันโดยตรง และ
Network Number จะต้องอยู่ในมาตรฐาน
เลขหมาย ของ INTERNIC
8. Protocal ที่เลือกเส้นทางแบบ dynamic
มีอะไรบ้าง
ตอบ โปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamic มีอยู่
หลายรูปแบบ ดังนี้
1. Interior Gateway Routing
Protocol
2.Exterior Gateway Routing
Protocol
3. Distance Vector Routing
Protocol
4. Link State Routing
Protocol
Interior เป็น Protocol
ที่ใช้แลกเปลี่ยนฐานความรู้ระหว่าง Roter ภายในองค์กรเดียวกัน ซึ่งได้แก่ RIP ,
IGRP ,EIGRP และ OSPF Exterior เป็น Protocol
ที่ใช้แลกเปลี่ยนฐานความรู้ต่างองค์กรกันหรือความน่าเชื่อถือต่างกัน ซึ่งได้แก่
BGP, EGP Distance Vector เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router
ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing และจัดการนำแพ็กเก็ตส่งออกไปยังเส้นทางที่กำหนด
โดย
อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า
เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า
ระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส
ของเครือข่ายปลายทางเป็น
VectorLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path
First (SPF)" Algorithm ด้วย
Link State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ
Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง
Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ
ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไปถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันRouting
Protocols
(เส้นทางการเชื่อมต่อ)
Exterior routing Protocol (EGP) เป็นโปรโตคอล
สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของ router ระหว่าง 2 เครือข่ายของ gateway host
ในระบบเครือข่ายแบบอัตโนมัติ ซึ่ง EGP มีการใช้โดยทั่วไป ระหว่าง host
บนอินเตอร์เน็ต เพื่อแลกเปลี่ยนสารสนเทศของตาราง routing โดยตาราง routing
ประกอบด้วยรายการ router ตำแหน่งที่ตั้ง และเมทริกของค่าใช้จ่ายของแต่ละ router
เพื่อทำให้สามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด กลุ่มของ router
แต่ละกลุ่มจะใช้เวลาภายใน
120 วินาที ถึง 480 วินาที ในการส่งข้อมูลส่งตาราง
routing
ทั้งหมดไปยังเครือข่ายอื่น ซึ่ง EGP -2 เป็นเวอร์ชันล่าสุดของ EGP
Border Gateway
Protocol (BGP)
เป็นโปรโตคอลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเส้นทางระหว่าง gateway
host
(ซึ่งแต่ละที่จะมี router ของตัวเอง) ในเครือข่ายแบบอัตโนมัติ BGP
มักจะได้รับการใช้ระหว่าง gateway host บนระบบอินเตอร์เน็ต ตาราง routing
ประกอบด้วยรายการของ router ตำแหน่งและตารางค่าใช้จ่าย (cost metric)
ของเส้นทางไปยังrouterแต่ละตัวเพื่อการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด host
ที่ใช้การติดต่อด้วย
ประเภทของ Routing ภายใน Network
ที่เชื่อมต่อกับเนตเวิคโดยตรงRouting Information Protocol (RIP)
เป็นโปรโตคอลที่ใช้อย่างกว้างขวาง สำหรับการจัดการสารสนเทศของ router
ภายในเครือข่าย เช่น เครือข่าย LAN ของบริษัท หรือการติดต่อภายในกลุ่ม
ของเครือข่าย
RIP ได้รับการจัดชั้นโดย Internet Engineering Task Force (IETF)
ให้เป็นหนึ่งในโปรโตคอลของInternet Gateway Protocol (หรือ
InteriorGatewayProtocol)
Open Shortest Path First (OSPF) ถือเป็น
เร้าติ้งโปรโตคอล (Routing Protocol)
ตัวหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในระบบเน็ตเวิร์ก
เนื่องจากมีจุดเด่นในหลายด้าน เช่น การที่ตัวมันเป็น Routing Protocol แบบ Link
State, การที่มีอัลกอรึทึมในการค้นหาเส้นทางด้วยตัวเอง ซึ่งเปรียบเสมือนว่า
ตัวของ
เราเตอร์ที่รัน OSPF ทุกตัวเป็นรูท (Root) หรือ
จุดเริ่มต้นของระบบไปยังกิ่งย่อยๆ
หรือโหนด (Node) ต่างๆ
ซึ่งเป็นเทคนิคในการลดเส้นทางที่วนลูป (Routing Loop) ของการ
Routing
ได้เป็นอย่างดี
Enhance Interior Gateway Routing Protocol
(EIGRP) นั้นถือได้ว่าเป็น
เราติ้งโปรโตคอลที่มีความรวดเร็วสูงสุดของซิสโก้ในการค้นหาเส้นทางภายใน
Intra-AS
(Interior Routing Protocol: เราติ้งโปรโตคอลภายใน Autonomous System)
ซึ่ง
ในเราติ้งโปรโตคอลแบบ EIGRP นี้ จะเป็นการนำเอาข้อดีของการเราติ้งแบบ
Distance
Vector และ Link State มาผสมผสานกัน (ในหนังสือบางเล่มจะเรียก
เราติ้งโปรโตคอลแบบนี้ว่า “Hybrid” (ลูกผสม) หรือ Advanced Distance
Vector)
9. อธิบาย Protocal Distance Vector
ให้เข้าใจ
ตอบ ลักษณะที่สำคัญของการติดต่อแบบ
Distance-vector คือ ในแต่ละ Router จะมีข้อมูล routing table
เอาไว้พิจารณาเส้นทางการส่งข้อมูล
โดยพิจารณาจากระยะทางที่ข้อมูลจะไปถึงปลายทางเป็นหลัก จากรูป Router A
จะทราบว่าถ้าต้องการส่งข้อมูลข้ามเครือข่ายไปยังเครื่องที่อยู่ใน Network B
แล้วนั้น ข้อมูลจะข้าม Router ไป 1 ครั้ง หรือเรียกว่า 1 hop
ในขณะที่ส่งข้อมูลไปยังเครื่องใน Network C ข้อมูลจะต้องข้ามเครือข่ายผ่าน
Router A
ไปยัง Router B เสียก่อน ทำให้การเดินทางของข้อมูลผ่านเป็น 2 hop
อย่างไรก็ตามที่
Router B จะมองเห็น Network B และ Network C
อยู่ห่างออกไปโดยการส่งข้อมูล 1 hop
และ Network A เป็น2 hop ดังนั้น Router A
และ Router B
จะมองเห็นภาพของเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่แตกต่างกันเป็นตารางข้อมูล routing
table
ของตนเอง จากรูปการส่งข้อมูลตามลักษณะของ Distance-vector routing
protocol
จะเลือกหาเส้นทางที่ดีที่สุดและมีการคำนวณตาม routing algorithm
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ซึ่งมักจะเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดและมีจำนวน hop
น้อยกว่า
โดยอุปกรณ์ Router ที่เชื่อมต่อกันมักจะมีการปรับปรุงข้อมูลใน routing
table
อยู่เป็นระยะๆ ด้วยการ Broadcast ข้อมูลทั้งหมดใน routing table
ไปในเครือข่ายตามระยะเวลาที่ตั้งเอาไว้การใช้งานแบบ Distance-vector
เหมาะกับเครือข่ายที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและมีการเชื่อมต่อที่ไม่ซับซ้อนเกินไป
ตัวอย่างโปรโตคอลที่ทำงานเป็นแบบ Distance-vector ได้แก่ โปรโตคอล RIP (Routing
Information Protocol) และโปรโตคอล IGRP (Interior Gateway Routing Protocol)
เป็นต้น
10. Protocol BGP
คืออะไรมีหลักการทำงานอย่างไร
ตอบ Border Gateway Protocol (BGP)
เป็นโปรโตคอลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเส้นทางระหว่าง gateway host
(ซึ่งแต่ละที่จะมี router ของตัวเอง) ในเครือข่ายแบบอัตโนมัติ BGP
มักจะได้รับการใช้ระหว่าง gateway host บนระบบอินเตอร์เน็ต ตาราง routing
ประกอบด้วยรายการของ router ตำแหน่งและตารางค่าใช้จ่าย (cost metric)
ของเส้นทางไปยัง router แต่ละตัว เพื่อการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด host
ที่ใช้การติดต่อด้วย BGP จะใช้ Transmission Control Protocol (TCP)
และส่งข้อมูลที่ปรับปรุงแล้วของตาราง router เฉพาะ host
ที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง
จึงมีผลเฉพาะส่วนของตาราง router ที่ส่ง BGP-4
เป็นเวอร์ชันล่าสุด
ซึ่งให้ผู้บริหารระบบทำการคอนฟิก cost metric ตามนโยบาย
การติดต่อด้วย BGP ของระบบ
แบบอัตโนมัติที่ใช้ Internet BGP (IBGP)
จะทำงานได้ไม่ดีกับ IGP เนื่องจาก router
ภายในระบบอัตโนมัติต้องใช้ตาราง
routing 2 ตาราง คือ ตารางของ IGP (Internet
gateway protocol) และตารางของ
IBGP BGP เป็นโปรโตคอลที่ทันสมัยกว่า Exterior
Gateway
Protocol
11. สายใยแก้วนำแสงมีกี่ชนิด
ตอบ ชนิดคือไฟเบอร์ออฟติค
12.
สัญญาณแก้วใยแก้วนำแสงต่างๆ
ตอบ อนาล็อกกับดิจิตอล
13.
จงบอกข้อดีของเส้นใยแก้วนำแสง
ตอบ 1. มีน้ำหนักเบาและไม่เป็นสนิม
ซึ่งเหมาะมากสำหรับใช้งานในยานอวกาศ และรถยนต์
2. เส้นใยแสง 1 เส้น
สามารถที่จะมีช่องสัญญาณเสียงได้มากเท่ากับ 1500 คู่สาย
3.
ความห่างของตัวขยายสัญญาณสำหรับเส้นใยแสงมีค่าตั้งแต่ 35 ถึง 80 กิโลเมตร
ซึ่งตรงข้ามกับสายธรรมดา ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 1 ถึงแค่ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น4.
เส้นใยแสงจะไม่มีการรบกวนจากฟ้าแลบ
และการแผ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
14. ขนาดของ core และ cladding
ในเส้นใยแก้วนำแสงแต่ละชนิด
ตอบ แท่งควอร์ต ซึ่งผ่านกระบวนการ Modefied
Chemical Vapor Deposition (MCVD) แล้วจะถูกวางในแนวตั้งในหอดึง (Drawing
Tower)
ซึ่งจะถูกให้ความร้อนต่ออีก (2200 F) และถูกดึงลงด้านล่าง
โดยหลักการของการหลอมเหลวควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ และขบวนการการดึง
เพื่อจะทำให้เส้นใยแสงคุณภาพสูง มีความยาวประมาณ 6.25 กิโลเมตร
และเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 125 ไมโครเมตร ศูนย์กลางซึ่งถูกเรียกว่า แกน หรือ
CORE
(เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ไมโครเมตร)
จะถูกล้อมรอบด้วยควอร์ตที่บริสุทธิ์น้อยกว่า
ซึ่งถูกเรียกว่า ชั้นคลุม หรือ
cladding (ขอบเขตประมาณ 117
ไมโครเมตร
15. การเชื่อมต่อดดยวิธีการหลอมรวม
ทำได้โดยวิธีใด
ตอบ การเชื่อมต่อแบบหลอมรวม เป็นการเชื่อมต่อ
Fiber Optic สองเส้นเข้าด้วยกัน โดยการให้ความร้อนที่ปลายของเส้น Fiber Optic
จากนั้นปลายเส้น Fiber Optic จะถูกดันออกมาเชื่อมต่อกัน
การเชื่อมต่อกันในลักษณะนี้
เป็นการเชื่อมต่อโดยถาวร
จนทำให้ดูเหมือนรวมเป็นเส้นเดียวกัน
การสูญเสียจากการเชื่อมต่อในลักษณะนี้
จะทำให้มีความสูญเสีย ประมาณ 0.01 - 0.2 dB
ในขั้นตอนการเชื่อมต่อนี้
ความร้อนที่ทำให้ปลายเส้น Fiber Optic
อ่อนตัวลงด้วยประกายไฟที่เกิดจากการ Arc
ระหว่างขั้ว Electrode ขณะทำการ หลอมรวม
ซึ่งจะยังผลให้การเชื่อมต่อของ Fiber
Optic เป็นเนื้อเดียวกัน